นายชัยอนันท์ กล่าวว่าจากการสัมมนาดังกล่าวทางจังหวัดภูเก็ตได้เสนอ 3 เรื่อง คือ1.ให้มีการจัดระเบียบนักมวยไทยในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมให้ถูกต้อง 2.รวมกันโฆษณาให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเรียนรู้มวยไทยอย่างถูกวิธีอย่างแท้จริง 3.การช่วยเหลือนักมวยไทยที่ได้ประสบเหตุจากการชกมวย และได้รับความเดือดร้อน หลังเลิกชกมวยแล้ว
อย่างไรก็ตามจังหวัดภูเก็ตพร้อมที่ส่งเสริมศิลปะมวยไทยไปสู่สายตาของชาวโลก เนื่องจากมวยไทยเป็นกีฬาประจำชาติ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งในปัจจุบันก็มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ต มีจะใช้เวลาส่วนหนึ่งเพื่อจะไปชมศิลปะมวยไทย และลงทุนเรียนวิชามวยไทยอย่างจริงจัง และทางหน่วยงานของรัฐจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในการดำเนินความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่สนใจมวยไทย เพื่อพัฒนามวยไทยไปสู่เวทีสากลให้มากยิ่งขึ้น
นายชัยอนันท์ กล่าวอีกว่าในจังหวัดภูเก็ต นั้นมีสนามมวย ซึ่งจัดให้มีการแข่งขันมวยไทย จำนวน 4 แห่ง และมีค่ายมวยกว่า 10 ค่าย ซึ่งมีนักมวยไทยทั้งชาวไทยและต่างชาติ นับ 1,000 คน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อหวังเป็นนักมวยไทยแบบอาชีพมากยิ่งขึ้นทุกวัน ประกอบกับยังสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางและชมศิลปะมวยไทยกับเจ้าของตำรับจากคำบอกเล่าของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยน่าจะโฆษณาศิลปะมวยไทยให้มากกว่าที่ผ่านมา เพราะการท่องเที่ยวสามารถเปิดตลาดดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนประเทศไทยและภูเก็ตได้มากมาย
นายนิวิทย์ กล่าวว่ามวยไทยนั้นมีความสำคัญกับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และน่าจะเป็นวิชาชีพที่หนึ่งที่จะต้องบรรจุในปฏิทินการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยการท่องเที่ยวจะต้องขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันทางจังหวัดภูเก็ตก็พร้อมให้ความร่วมมือในทุก ๆ ด้านเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนมวยไทยในจังหวัดภูเก็ต รวมถึงเป็นการเพิ่มแนวทางในการสร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่นภูเก็ตอีกด้วย
ข้อมูลจาก...ส.ปชส.ภูเก็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป